วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

PROFESSIONAL PRACTICE ASSIGNMENT#4 >>>My Idol

สวัสดีค่ะพี่ขอรบกวนสัมภาษณ์พี่เกี่ยวกับ "สถาปนิก Idol รุ่นพี่ลาดกระบัง" หน่อยค่ะ
 
ได้เลยๆ แต่พี่จะให้ความรู้กับน้องได้มั้ยเนี้ย  55

ขอถามประวัติส่วนตัวของพี่หน่อยค่ะ...

พี่ชื่อสกาวเนตร  สะใบ ชื่อเล่น เอ๋ 
เข้าศึกษาที่เทคโนลาดกระบังปี 2542  พี่รหัส 42 คะ

 ประวัติการศึกษา
·       ระดับมัธยม  โรงเรียนนารีนุกูล จังหวัดอุบลราชธานี
·       ระดับปริญญาตรี สถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต  
        สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
·       ระดับปริญญาโท การวางแผนภาคและเมืองมหาบัณฑิต (ผ.ม.) สาขาการออกแบบชุมชนเมือง
   Master of Urban and Regional Planning (M.U.R.P.) Urban Design  

        จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
          

 ประวัติการทำงาน

2547-2548           บริษัท  Massive Design
2550-
ปัจจุบัน         RDG Planning & Design


งาน หรือ ผลงานของพี่ที่เป็นตัวอย่างที่ดีในการปฏิบัติวิชาชีพ คืออะไร...อุปสรรคใน   การปฏิบัติวิชาชีพคืออะไรค่ะ
         อย่าง Terminal 21  ยกตัวอย่างได้เพราะเสร็จแล้ว พี่ทำงานกับพี่โน้ตคือรุ่นพี่ที่จบลาดกระบัง เป็นรุ่นพี่ประมาณ 2 ปี แล้วเขาเป็นคน เราแบ่งงานกันคือ ปาล์มเมอร์รับชิ้นบนไปคือเป็นservise apartment คล้ายๆโรงแรม ส่วนอาดีจีรับส่วนล่างคือโพเดียมเป็นห้าง คือเราจะแบ่งงานกัน ลักษณะเริ่มแรกเราจะต้องขีดสโคปเป็นออโต้แคด เราก้อจะดีไซด์ของเราเป็นก้อนนี้เสร็จ เราก้อจะเอาชุดนี้ ไปให้บริษัทปาล์เมอร์เขาก็จะไปเขียนแคดของเขาเหมือนกันเพราะเขาต้องส่งยืนเขต เขาต้องเช็คให้เราแล้วว่าระยะนู้นนี้ระยะร่นเท่าไหร่ของตึกนี้ งานนี้จะเน้นทั้ง interior และ space  ให้ดูน่าสนใจ การทำห้างก็จะยาก คือธรรมชาติของห้างทุกร้าน ถ้าเราเป็นคนขายของในห้างเราก็อยากให้ลูกค้าเห็นหน้าร้านเรา เราไม่อยากให้ใครมาบังหน้าเรา มันกึ่งแปลนนิ่ง ก็เลยเรียก Detail planning มันไม่ใช่สถาปนิกซะทีเดียว มันก็คือคนวางแปลน เหมือนดีไซด์ตึกๆหนึ่งแหละ แต่จะดูซับซ้อนตรงที่ว่ามันหลายห้องต้องแบ่งเป็นร้านค้า การที่เราจะทำห้างนั่นไม่ใช่มีแค่สถาปนิกหรืออินทีเรีย แต่เจ้าของก็จะมีอีกทีมมาเก็ตติ้ง ลิสซิ่งคือเป็นกลุ่มหนึ่งที่คิดมาให้เราและจะจัดการพวกร้านจะเอาแบรนด์ไหนลง เอากี่ร้าน คอนเซ็ปจะต้องไปทางไหน ขายได้หรือเปล่า คล้าย Area Requirement จะเป็นลักษณะการทำงานร่วมกัน แล้วเราก็มีหน้าที่เตือนเขาว่าอันนี้เยอะไปใหญ่ไปเพื่อความเหมาะสมด้วยแล้วเขาจะไปคิดกับทีมมาเก็ตติ้งเขาอีกที อย่างบริษัทแรกที่พี่อยู่ก็จะเป็นบ้านอันเล็กๆ กลุ่มเดียวลูกค้าคนเดียว มันก็ยากอีกแบบหนึ่ง คือต้องตามเขาและเปลี่ยนบ่อยเหมือนกัน เราเป็นคนที่ออกแบบในลักษณะที่แบบว่าเขาจะลงทุนแล้วเรารู้ว่าแบบนี้มันไม่ได้นะ เราต้องใช้เหตุผลมาให้เขาเข้าใจให้ได้ว่ามันไปไม่ได้หรอก แต่ถ้าลูกค้าอยากได้สีแดงแต่เราอยากได้สีเขียวเราก็ต้องยอมเขา แต่ถ้าลูกค้าบอกว่าอยากเปิดประตูมาแล้วชนบันไดอย่างนี้ แล้วเรารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วมันอันตรายเราต้องบอกเขาเข้าใจมั้ย คือเราต้องเตือนนะ...
ข้อคิดที่สำคัญในการ ทำงานคืออะไร? การปฏิบัติตนต่อการทำงานทำอย่างไรบ้างคะ
     ในการทำงานบริษัทพี่จะมีระดับขั้น ก็คือเป็น
1. จูเนียร์
2. อินเตอร์มีเดีย
3. ซีเนียร์
            ดูจากจากอายุการใช้งาน พัฒนาการในการทำงาน มันดูว่าเราไปได้ไกลแค่ไหน อย่างแรกดูประสบการณ์การทำงานอยู่แล้ว แต่ถ้าทำงาน สิบปีเก้าปีไม่มีความก้าวหน้าในการทำงานไม่สามารถพัฒนาตัวเอง ไม่เพิ่มความรู้ ดีไซด์เหมือนเดิมตลอด แมททีเรียลก็ไม่รู้ ประชุมไม่ได้ ไปหน้าไซท์ก็ทำไม่เป็น ทำให้ดรอปลง แต่พี่ก็เคยถอยแล้วขึ้นใหม่เหมือนกัน เป็นช่วงที่เราเหนื่อยเราจะถอยลง คือคนเราก็ไม่ได้คึกตลอดเวลามันก็ต้องมีบ้าง แต่พี่บอกเลยว่าถ้าเราตั้งใจ เราอยากเป็นดีไซด์เนอร์เป็นสถาปนิกไปตลอดแล้ว เราไม่อยากทำให้ตัวเองแย่ลงเราต้องอ่านหนังสือเยอะดูเว็บไซด์อินเตอร์เน็ตเราต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ยิ่งถ้าเราทำงานในบริษัทที่ออกแบบอะไรที่มันใหม่อยู่ตลอดเวลา เราต้องหาความรู้อยู่ตลอด พอเราทำงานไปก็จะรู้ตัวเองว่าถนัดทางไหนก็จะโปรไปทางนั้น อย่างเพื่อนพี่เขาอาจจะดีไซด์ได้ไม่ค่อยดีแต่เขาเก่งเรื่อง
structure งานระบบมาก  เขาก็ไปเป็นโปรเจ็คเมเนเจอร์ตรวจคนงาน เช็คงานระบบเช็คทุกอย่างไปพร้อมวิศวะกรดูในเชิงความสวยงามด้วย
เราต้องมีทาร์มไลน์ของเราว่าเราต้องส่ง ต้องทำอะไรแค่ไหนยังไง ต้องทำให้ทัน การที่เราจะทำงานให้ทันนั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะทำคนเดียวไม่ได้ให้ใครดู เพราะเราอยู่บริษัทอย่างนี้เราต้องให้ซีเนียร์ดูงานออกแบบของเราเหมือนลักษณะการตรวจแบบ
อย่างที่บริษัทพี่เขาจะสเก็ตมือก่อน ไม่ลงแคดจนกว่าที่ลูกค้าจะคอนเฟิร์มว่า เอาแล้วแบบนี้ ถ้าเราเป็นคนออกแบบจริงๆ แล้ว 8 ชั่วโมงมานั่งคิด ถ้าเอาแบบไปให้แผนกแคดเขาเขียนเหมือนเป็นการเพิ่มเงินเพิ่มงาน เสเวลาโดยที่งานยังไม่ถึงขนาดนั้น ที่นี้เป็นบริษัทฝรั่งเขาจะเน้นให้เขียนมือ พอเราเขียนแปลนเสร็จเขาก็จะมีคนที่ทำตีฟขึ้นแมสซิ่งให้ แต่เราก็เลี่ยงไม่ได้ที่เราจะใช้ทรีดีเพราะเราต้องเช็คสแปช  ใหญ่ไปเล็กไป เพราะเราวาดมือมันไม่ตรงสแกล ใช้ทรีดีเป็นแค่เครื่องมือในการทำงานเรา แต่...เราจะไม่ใช้มันดีไซด์  ใช้สิ่งนี้มาช่วยให้งานเสร็จ แต่ทุกอย่างที่เราคิดเราต้องสเก็ตออกมาก่อน สนุกดีเหมือนเราได้ทำงานเหมือนที่เราเรียน แต่พูดตรงๆนะว่าพี่ทำทรีดีไม่ถนัดเท่าไหร่ แต่อีลัส โฟโต้ชอปพี่ได้นะ เหมือนจะไม่ใช่หน้าที่เราแล้วนะ หน้าที่เราคือดีไซด์ให้เสร็จ แต่ถ้าเป็นงานนอกเราก็ต้องทำ  แต่พี่เป็นประเภทได้งานนะเอาเท่านี้ให้ดีไซด์ เอาเท่านี้ให้สเก็ต เอาเท่านี้ให้แคด พี่ยอมเอางานเอาเงินแค่นี้ ไม่เอาเยอะห่วงกางทำคนเดียว แล้วงานเสร็จ  ออกมาดี แล้วให้ลูกค้า ได้กำไรนิดหน่อย เพื่อนเราก็ได้เงินทำงานเป็นแพ็ค เหมือนเราก็มีบริษัทของเราอยู่นิดๆ จะไม่ทำเองหมด  เราทำงานเป็นเพื่อนกันโดยไม่คิดว่าเราเป็นหัวหน้าเขาเราโตกว่า มีสิทธิ์สั่งได้  อย่างนั่นเราจะทำงานไม่เสร็จ ในความรู้สึกของพี่เขาก็จะไม่ชอบเราด้วย อย่างถ้าเราบอกเขาว่า เฮ้ยแก่..ช่วยเราหน่อยดิ๊ เดี่ยวเราทำอันนี้ไว้ให้แก ฉันจะไปแล้วนะ แกเอาตัวนี้ไปเขียนก่อน ช่วยกันนะ ถ้ามันจะต้องดึกอย่าเกินเที่ยงคืนนะ เดี่ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงทำงาน ไม่เคยเกินนั่นเลย จริงสามทุ่มก็หมดแรงแล้วนะสมองไปไม่ได้แล้ว แล้วเราคิดมาทั้งวันแล้ว แล้วเราไม่อยากให้คนที่ทำงานกับเราแล้วเหนื่อยเกินไป แล้วเราอยู่บ้านนอนเหรอ เราเลยคิดว่าเราก็จะไปด้วยกัน พี่จะไล่กลับบ้านให้หมด  ไม่เอาไม่ให้อยู่ ถ้าไม่ใช่ไฟนอลก็จะมีจังหวะปลง พี่จะต้องเป็นงานดูเพอร์เฟ็คในลักษณะที่เราไปประชุมแล้วไม่เลท เราไม่ได้โลภ แต่ถ้างานไม่เสร็จ 100% เราต้องมีทางแก้ไขในสิ่งนั้นอยู่แล้ว เราทำงานกับคนเยอะๆบางทีมันไปไม่ถึงฝั่งอาจจะได้ซัก 80% แต่สำหรับพี่งานเรียบร้อยแล้วนะ แต่บางคน 100% แต่ไปเลทพี่ว่าแบบนั่นไม่มีประโยชน์ ของที่เราเตรียมไปคือสิ่งที่เป็นตัวช่วยให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เราคิด แต่ถ้าลูกค้าชอบในสิ่งที่เราคิด มาทำ 80 ให้เป็น 120 ยังได้เลย มันมีวิธีทำให้เขาเข้าใจได้หลายแบบหลายวิธีต้องเลือกให้เหมาะกับเวลา คือเราต้องตรงต่อเวลา เป็นเฟิร์สอิมเพลสชั่น.....
            แต่ถ้าเราคิดงานไม่ออกไปคุยกับคนหนึ่งที่เขามีไอเดีย ลองถามเขานะ ไม่ใช่ให้เขาช่วยเรา ถ้าเขามีประสบการณ์มากกว่าเรา เขาสามารถชี้นำแนวทางที่ถูกต้องให้ได้  แล้วเราก็เก็บมาคิดแล้วนำมารวมกับความคิดของเรา


คิดเห็นอย่างไรกับ จรรยาบรรณวิชาชีพ คิดเห็นอย่างไรกับการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมบ้างคะพี่
            พี่ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้นะ  เพราะพี่ก็เป็นคนดีอ่ะ (หัวเราะ) จะบอกว่ายังไงดี เราก็ต้องทำตามกฎระเบียบที่มันมาอยู่แล้ว คือถ้าเราเป็นคนที่ทำงานในลักษณะเพื่อสาธารณะ เราออกแบบที่ คนหลายๆคนมาใช้งาน เราต้องรับผิดชอบนิดนึ่ง ทำอะไรให้มันถูกต้อง เช่น จัดทางหนีไฟให้แคบลงเพื่อเพิ่มที่ขาย คงไม่ทำเพราะถ้าเกิดเหตุขึ้นมาร้ายแรง แล้วเราหนีไม่ได้ สู้ทำให้ถูกดีกว่า แล้วเราค่อยหาทางแก้วิธีอื่นถ้าเขาอยากได้พื้นที่ขายเพิ่ม อย่างที่เพื่อนพี่เอาแบบมาให้เซ็นต์ร้านเหล้ากับสนุกเกอร์ให้หน่อย พี่ยอมโดนด่าว่าไม่มีน้ำใจ ก็ปฏิเสธไปเลยว่าเซ็นต์ให้ไม่ได้ ก็คือ 1. เราไม่ใช่คนออกแบบ 2. แบบเป็นไงก็ให้ดูไม่ได้ แต่ถ้าให้ช่วยดูช่วยแก้ให้แต่แรกพี่เราก็รู้สึกโล่งกว่านะ เพราะเรารู้แล้วว่าเป็นแบบนี้ อันนี้ยื่นกระดาษมาแบบนี้อันนี้พี่ก็ไม่เซ็นต์ อันนี้ก็คือจรรยาบรรณแบบนี้  มันคือชีวิตเลยนะ ก็เหมือนหมอจ่ายยาผิด มันก็คือสิ่งที่เราจะต้องรับผิดชอบต่อสังคม
การออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมบางทีมันก็ทำไม่ได้ แต่ถ้าได้ที่ดีๆ เรื่องแดด ลม ฝน เราก็ต้องเช็คอยู่แล้ว ใช้แมททีเรียลดี ใช้ธรรมชาติให้เป็นประโยชน์เราก็จะออกแบบมาได้ดี


พี่ๆ คิดว่า สถาปนิกรุ่นใหม่ๆ ที่ลาดกระบังผลิตออกมา มีคุณภาพอย่างไร ต้องการให้ภาควิชาปรับปรุงลักษณะบัณฑิต ออกมาให้เป็นอย่างไร?
            ถ้าจะให้ปรับปรุงลักษณะบัณฑิตพี่ก็ไม่รู้ว่าเขาสอนอะไรยังไงบ้าง แค่อยากจะแนะนำว่าเทคโนยีสมัยนี้ช่วยดีไซด์ของเราเยอะมาก เลือกใช้ให้เป็นอย่าใช้มันตัวกำหนดดีไซด์ของเรา ถ้าเราครีเอทอะไรใหม่ๆได้ เราจะรู้ว่าเราจะใช้โปรแกรมอะไรที่จะช่วยเราได้ ทำให้งานเราเสร็จ แต่ทุกสิ่งที่เราคิดให้ผ่านหัว ความรู้สึก ผ่านมาที่มือเราก่อน สวยบ้างไม่สวยบ้าง มันจะทำให้เราเข้าใจในสิ่งที่เราทำอยู่  พี่ว่าเด็กสมัยใหม่เอ๊ะอะเขียนแคด เขียนทรีดี จะดีไซด์โค้งก็ทำไม่ได้เพราะทรีดีทำไม่ได้ ซึ่งจริงมันผิดอ่ะ ซึ่งมือเราทำได้...


ขอจะร้องให้พี่ช่วยเล่าบรรยากาศ สมัยที่เรียน ณ ลาดกระบัง ว่า เรียนกันอย่างไร ใช้ชีวิตและกิจกรรม ในคณะอย่างไรบ้างคะ?
             พี่เป็นคนทำโปรเจ็คเสร็จเร็วตลอดเพระพี่เป็นคนที่เอาโว้ยส่งแล้ว พอ....ไม่งั้นไม่ได้นอน ต้องนอนไม่งั้นพรีเซ็นไม่ได้ คือจบเสร็จ รู้เวลา เสร็จก่อนทุกครั้ง สุดท้ายก็ต้องช่วยเพื่อนพ้นกาวสเปรย์ พี่มีฉายาว่า มิสไตเติ้ลบ๊อก...ที่หอชายแก็งส์เพื่อนพี่ พวกนี้จะทำงานช้าเพราะมั่วแต่อะไรก็ไม่รู้อยู่ แล้วได้นอนด้วย ได้เอด้วย เขาดูโปรเสสเรา ดูเราตรวจแบบครั้งแรกดูพัฒนาการของเราตั้งแต่แรก คือไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับตึกนี้  จนเราดีไซด์ออกมาเป็นตึกประมาณนี้ได้  มันก็ต้องได้บีบวกไม่ก็เอแล้วแหละ แต่พี่ก็ไม่เรียนอย่างเดียวคือพี่ทำสโมเกรดจะต้องไม่ต่ำกว่าสาม ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าคุณทำกิจกรรมจนไม่ตั้งใจเรียน 



          สุดท้ายต้องขอขอบคุณพี่จ๊ะเอ๋  ที่เสียสละเวลาให้สัมภาษณ์และพูดคุยเรื่องราวประสบการณ์ การทำงาน และแนวความคิดในการเป็นสถาปนิกที่ดีซึ่งเป็นประสบการณ์ใหม่ๆทีไม่เคยรู้ เป็นประโยชน์อย่างมากในการที่จะออกไปเป็นสถาปนิกในภายภาคหน้า ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งคะ
 

            ขอขอบคุณอาจารย์ไกรทอง โชติวุฒิพัฒนา ผู้สอนวิชา Professional Practice ที่ได้ให้งานชิ้นสำคัญและที่มีประโยชน์อย่างมากเลยคะ





วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2555

รองศาสตราจารย์แสงอรุณ รัตกสิกร

PROFESSIONAL PRACTICE#3

รองศาสตราจารย์แสงอรุณ รัตกสิกร

 ภาพรองศาสตราจารย์ แสงอรุณ รัตสิกร
ประวัติ   

         รองศาสตราจารย์ แสงอรุณ รัตสิกร เกิดเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ที่ตำบลดงพระราม จังหวัดปราจีนบุรี เป็นบุตร พ.อ.พระยาวิเศษสิงหนาท (สาหร่าย รัตกสิกร) และ คุณหญิงระเบียบ วิเศษสิงหนาท (สกุลเดิม คงพันธุ์) มีพี่น้อง ๖ คน เขาเป็นคนที่สาม แสงอรุณเรียนหนังสือชั้นประถมศึกษาที่นครสวรรค์ ก่อนจะเข้ามาเรียนระดับมัธยมและอุดมศึกษาในกรุงเทพฯ เรียนจบปริญญาตรี สถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต (สถ.บ.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วเข้ารับราชการตำแหน่งอาจารย์ตรี เงินเดือน ๑๔๐ บาทในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

          อาจารย์ได้ทุน ก.พ. ไปศึกษาต่อต่างประเทศ ๒ ปี จนจบปริญญาโท สถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต (Master of Architecture) มหาวิทยาลัยคอร์เนล สหรัฐอเมริกา หลังจบการศึกษาจากคอร์เนล แสงอรุณมีโอกาสไปใช้ชีวิตและฝึกงานอยู่กับสถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่ของอเมริกาและของโลก “มหาพรหม” แฟรงค์ ลอย ไรท์ (Frank Lloyd Wright, ค.ศ. ๑๘๖๗-๑๙๕๙) ในสำนักทาไลซินตะวันออกบนเนินเขาวิสคอนซิ่นและทาไลซินตะวันตกในทะเลทรายอะริโซน่า แสงอรุณแต่งงานกับลดา สีบุญเรือง มีบุตรด้วยกันหนึ่งคน เมื่อเขากลับมาเมืองไทยก็รับราชการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยตามเดิม จวบจนตำแหน่งรองศาสตราจารย์ระดับ ๙ ตำแหน่งสุดท้าย เงินเดือน ๑๐,๖๘๐ บาท


         ภาพจากอดีต

          ท่านเป็นอาจารย์นอกรีต ใส่เสื้อปล่อยชาย ไม่ผูกเน็คไท ไว้หนวดเครารุงรัง จนอาจารย์บางคนรับไม่ได้หาว่าแต่งตัวไม่สมกับสถานะอาจารย์ เขาย้อนกลับเรียบๆ ว่า “คุณไปบอกอาจารย์พวกนั้นให้มาทำงานตรงเวลาดีกว่า!” ท่านเป็นอาจารย์ที่มีจิตวิญญาณความเป็นครูอย่างแท้จริง สอนให้นักศึกษารักศิลปะและธรรมชาติสอนสนุกมีสีสัน ครั้งหนึ่ง ท่านได้วิจารณ์และอธิบายสถาปัตยกรรมแบบโกธิคให้นักศึกษาฟังว่า “สูงประหนึ่งสามารถเอามือไปเกาตีนพระเจ้าได้ ฉันนั้น”
        
           นอกจากอ.แสงอรุณจะเป็นสถาปนิกและอาจารย์ที่เข้าใจในธรรมชาติ ปรัชญา ศิลปะ และสถาปัตยกรรมอย่างลึกซึ้งแล้ว ท่านยังเป็นศิลปินที่มีความสามารถหลายแขนง วาดรูปสวยระดับจิตรกรเอก เป็นประติมากรด้วยอ.แสงอรุณเป็นผู้มีวาจาเฉียบคมพอๆ กับเขียนหนังสือได้เฉียบคมและสละสลวย เต็มเปี่ยมไปด้วยวรรณศิลป์ ที่สำคัญที่สุดท่านเป็นคนรักธรรมชาติและความเป็นไทยอย่างที่สุด
  
       อ.แสงอรุณ รัตกสิกร ถึงแก่กรรมอย่างกะทันหันที่บ้าน ด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน โดยไม่มีอาการป่วยใดๆ ล่วงหน้า เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ รวมอายุได้ ๕๖ ปี ๘ เดือน ๒๖ วัน


 ผลงาน
        

ผลงานเขียนหนังสือเช่น เเสงอรุณ๒ (๑ในหนังสือร้อยเล่มที่คนไทยควรอ่าน) ตึก ,ต้นไม้, และแสงอรุณ,ทรรศนะอุจาด .แสงอรุณแห่งสถาปัตยกรรม "เรณู - ปัญญา" เที่ยวรถไฟ,อนุสาวรีย์ที่ไทยทำ โดยส่วนใหญ่ท่านใช้นามจริง เว้นบางเรื่องใช้นามปากกาว่า ส.รัตกสิกร ท่านยังมีฝีมือในการเขียนภาพลายเส้น นิสัยรักธรรมชาติและการศึกษาค้นคว้า เป็นผู้เผยเเพร่ความรู้เรื่องอนุรักษ์ศิลปะและสิ่งเเวดล้อมที่ดีเยี่ยมผู้หนึ่ง

ผลงานเขียนหนังสือ

ภาพหนังสือแสงอรุณแห่งสถาปัตยกรรมและตึก ต้นไม้และแสงอรุณ


 ภาพหนังสือแสงอรุณ 1 และ แสงอรุณ 2(จัดทำขึ้นเพื่อเป็นของที่ระลึกในงานศพของท่านอาจารย์แสงอรุณ รัตกสิกร)



ผลงานด้านภูมิสถาปัตยกรรม
    
        ท่านได้มีผลงานออกแบบสวนรัฐสภา ได้มีโอกาสออกแบบงานประติมากรรมในสวนแห่งนี้ด้วย

 ภาพศาลาไทยเดิมในบริเวณสวนรัฐสภา
 
เอกภาพของสวนกำหนดขึ้นเป็นจุดศูนย์กลางของบริเวณด้วยรูปศาลาซึ่งหนีไม่พ้นแบบศาลาทรงไทยเดิม โฉมของอดีตแบบนี้เห็นจะต้องใช้กันอีกนาน อาจจะตลอดไปก็ได้ เพราะงานสถาปัตยกรรมปัจจุบันของไทยเรานี้  ไม่อาจให้ผลที่คนทั่วไปยินยอมรับอย่างพอใจ ว่าเป็นผลงานที่แสดงเอกลักษณ์ของไทย สถาปนิกปัจจุบันก็ได้พยายามกันมามากต่อมากในการแสวงหาและแสดงออก ซึ่งงานสถาปัตยกรรมอันแสดงเอกลักษณ์ของไทยยุคนี้ ซึ่งเป็นผู้รับมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษไทยแต่ก็ยังไม่สำเร็จกันสักรายเดียว
            
           ถึงจะใช้รูปทรงเดิมที่เป็นผลผลิตของอดีตสถาปนิก ศาลาไทยในสวนรัฐสภาหลังนี้ก็พยายามใส่อิริยาบถหลายอย่างลงไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แปลกไปกว่าของเก่า การมุงหลังคาทั้งผืนแผ่นทองแดง เพื่อให้หลังคาทนขึ้น  และให้ผลเมื่อรับแสงแดดเป็นประกายวาบวับ  “เพื่อให้รสสัมผัสใหม่” หรือการที่หุ้มจุดชำรุดง่ายที่ยอดของปั้นลม และที่ปลายล่างของปั้นลมด้วยทองแดงสลักลายนูน  สูงขึ้นทำให้เกิดผลการเปรียบเทียบระหว่างไม้และโลหะเมื่อทอดตาไปสัมผัส ปั้นลมหางปลาเพื่อแก้ปัญหาการผุกร่อนในการต่อไม้  และเพื่อผลในการแสดงสัจจะของรูปหรือการบรรจุหน้าบันโลหะชุบเงิน  รูปสามเหลี่ยมเล็กลงในแนวเดียวกับปั้นลมเหล่านี้ทำให้เกิดอริยาบทใหม่ขึ้นในรูปทรงเก่า  เป็นการพยายามอันหนึ่งที่เสนอต่อผู้ดูเพื่อพิจารณาตัดสินอาจจะเป็นสิ่งที่เล็กน้อย  และกระดิกได้ไม่เท่าไหร่  ก็เต็มบริเวณเสียแล้วก็ได้แต่ก็พยายามที่จะ “กระดิกเพื่อให้เห็นว่ายังไม่ “สิ้นลม”  เสียโดยสิ้นเชิงหรือลอกของเก่าอย่างไม่ลืมหูลืมตา

รูปปฏิมากรรมโลหะเชื่อม ลอยตัวในสระสะท้อนเงาหน้าทางขึ้นลงด้านหน้าของตึกประชุม งานชิ้นนี้ทำที่โรงงานนครราชสีมาโดยได้รับคำแนะนำทางเทคนิคและอุปกรณ์จา กอ.ดิเรก มานะพงศ์
งานประติมากรรมบางส่วนที่สวนรัฐสภา


ผลงานด้านงานภาพเขียนบางส่วน
  ผลงานภาพเขียนดินสอดำ
 เจ้าพ่อประตูผา,ลำปาง(ต้นฉบับ 10นิ้วครึ่งx17 นิ้ว)

 ภาพซ้าย จาก Reproduction ไม่ทราบขนาดต้นฉบับ
ภาพขวาบน หมอกตก,ทางไปเชียงคำ(ต้นฉบับ 14x14 นิ้ว)
ภาพขวาล่าง ผาหมี,เชียงราย (ต้นฉบับ 14x14 นิ้ว)


  ผลงานภาพปฎิทินปี 2500
กัณฑ์ทศพร
ผลงานภาพเขียนสีน้ำ

ผลงาน CERAMIC MURAL PAINTING(อาคารเรียนโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน)



ภาพ CERAMIC MURAL PAINTING

ผลงานกับวารสาร "สิ่งแวดล้อม"
ภาพ คตทินกร


 คตทินกร
คุณคงแปลกใจว่า "คตทินกร" คืออะไร
ผมนั้นเกิดเวลารุ่ง จึงชื่อ แสงอรุณ
บัดนี้เมืองเราไม่ใช่รุ่งอรุณของผมเสียแล้ว
"คต" แปลว่า ผู้จากไป หมดไป  ตกไป 
ดังนั้น คตทินกร
ดูจะเหมาะสมกับสภาพใจของผมดีเวลานี้
จึงใช้คตทินกร แทน  แสงอรุณ




ผลงานในวงการหนังสือพิมพ์
ภาพชนะเลิศการประกวด โดย "แสงอรุณ"
........................................................................................................................................................


.......ชีวิตของคุณ ยังมีเวลาอีกมาก  ดูโลกให้กว้างให้ละเอียด อะไรที่จะทำให้ใจเราสะอาดสุนทรขีัึ้น ปิติ  สงบก็ควรแสวงหาเข้าไว้  การศึกษาไม่ใช่เจาะจงเฉพาะที่คุณได้เรียนเท่านั้น
    
      การเข้าใจสภาพบ้านเมือง-ชีพจรของธรรมชาติ  แวดล้อมเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนของการเรียนและทำให้ปัญญาของเราแตกงอกงามด้วย
     
        ถ้าคุณละเลยในสิ่งที่ผมพูดมาแต่ต้นนี้  คุณกลับมาก็จะจมปลักกับทรรศนะอุจาดที่เกิดขึ้นเต็มเมืองเราขณะนี้-แล้วคุณก็จะท้อและรันทดใจ-แต่ถ้าคุณเห็นและรับความงามอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่นี่ไว้ได้มาก-ได้แนบแน่น-มันก็จะเป็นพลังที่จะปลอบประโลม-ในขณะที่จิตของคุณท้อแท้  ก็บอกกันมาเพียงแค่นี้  ขอให้แข็งแรงทั้งกายและใจ


คัดจาก "จดหมายถึงบรรณโศภิษฐ์"
จดหมายจาก รองศาสตราจารย์แสงอรุณ  รัตกสิกร ถึง
ผศ.ดร. บรรณโศภิษฐ์  เมฆวิชัย  ขณะกำลังศึกษาต่อที่ Cornell







...อาจารย์แสงอรุณ รัตกสิกร
เป็นศิลปินเต็มวิญญาณ
เป็นนักวิจารณ์ที่ไม่เกรงใจใคร
โดยแสดงออกผ่านงานเขียนและการพูด

...งานเขียนของอาจารย์แสงอรุณ
มีทั้งส่วนที่เป็นการร้อยเรื่องอักษร
และส่วนที่เป็นภาพเขียน
คือตัวตนของศิลปินผู้มีความจริงใจและพลัง
ยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือน



ขอขอบคุณ
ข้อมูลจากหนังสือ      -แสงอรุณ 2
                            -แสงอรุณแห่งสถาปัตยกรรม