วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

PROFESSIONAL PRACTICE ASSIGNMENT#4 >>>My Idol

สวัสดีค่ะพี่ขอรบกวนสัมภาษณ์พี่เกี่ยวกับ "สถาปนิก Idol รุ่นพี่ลาดกระบัง" หน่อยค่ะ
 
ได้เลยๆ แต่พี่จะให้ความรู้กับน้องได้มั้ยเนี้ย  55

ขอถามประวัติส่วนตัวของพี่หน่อยค่ะ...

พี่ชื่อสกาวเนตร  สะใบ ชื่อเล่น เอ๋ 
เข้าศึกษาที่เทคโนลาดกระบังปี 2542  พี่รหัส 42 คะ

 ประวัติการศึกษา
·       ระดับมัธยม  โรงเรียนนารีนุกูล จังหวัดอุบลราชธานี
·       ระดับปริญญาตรี สถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต  
        สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
·       ระดับปริญญาโท การวางแผนภาคและเมืองมหาบัณฑิต (ผ.ม.) สาขาการออกแบบชุมชนเมือง
   Master of Urban and Regional Planning (M.U.R.P.) Urban Design  

        จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
          

 ประวัติการทำงาน

2547-2548           บริษัท  Massive Design
2550-
ปัจจุบัน         RDG Planning & Design


งาน หรือ ผลงานของพี่ที่เป็นตัวอย่างที่ดีในการปฏิบัติวิชาชีพ คืออะไร...อุปสรรคใน   การปฏิบัติวิชาชีพคืออะไรค่ะ
         อย่าง Terminal 21  ยกตัวอย่างได้เพราะเสร็จแล้ว พี่ทำงานกับพี่โน้ตคือรุ่นพี่ที่จบลาดกระบัง เป็นรุ่นพี่ประมาณ 2 ปี แล้วเขาเป็นคน เราแบ่งงานกันคือ ปาล์มเมอร์รับชิ้นบนไปคือเป็นservise apartment คล้ายๆโรงแรม ส่วนอาดีจีรับส่วนล่างคือโพเดียมเป็นห้าง คือเราจะแบ่งงานกัน ลักษณะเริ่มแรกเราจะต้องขีดสโคปเป็นออโต้แคด เราก้อจะดีไซด์ของเราเป็นก้อนนี้เสร็จ เราก้อจะเอาชุดนี้ ไปให้บริษัทปาล์เมอร์เขาก็จะไปเขียนแคดของเขาเหมือนกันเพราะเขาต้องส่งยืนเขต เขาต้องเช็คให้เราแล้วว่าระยะนู้นนี้ระยะร่นเท่าไหร่ของตึกนี้ งานนี้จะเน้นทั้ง interior และ space  ให้ดูน่าสนใจ การทำห้างก็จะยาก คือธรรมชาติของห้างทุกร้าน ถ้าเราเป็นคนขายของในห้างเราก็อยากให้ลูกค้าเห็นหน้าร้านเรา เราไม่อยากให้ใครมาบังหน้าเรา มันกึ่งแปลนนิ่ง ก็เลยเรียก Detail planning มันไม่ใช่สถาปนิกซะทีเดียว มันก็คือคนวางแปลน เหมือนดีไซด์ตึกๆหนึ่งแหละ แต่จะดูซับซ้อนตรงที่ว่ามันหลายห้องต้องแบ่งเป็นร้านค้า การที่เราจะทำห้างนั่นไม่ใช่มีแค่สถาปนิกหรืออินทีเรีย แต่เจ้าของก็จะมีอีกทีมมาเก็ตติ้ง ลิสซิ่งคือเป็นกลุ่มหนึ่งที่คิดมาให้เราและจะจัดการพวกร้านจะเอาแบรนด์ไหนลง เอากี่ร้าน คอนเซ็ปจะต้องไปทางไหน ขายได้หรือเปล่า คล้าย Area Requirement จะเป็นลักษณะการทำงานร่วมกัน แล้วเราก็มีหน้าที่เตือนเขาว่าอันนี้เยอะไปใหญ่ไปเพื่อความเหมาะสมด้วยแล้วเขาจะไปคิดกับทีมมาเก็ตติ้งเขาอีกที อย่างบริษัทแรกที่พี่อยู่ก็จะเป็นบ้านอันเล็กๆ กลุ่มเดียวลูกค้าคนเดียว มันก็ยากอีกแบบหนึ่ง คือต้องตามเขาและเปลี่ยนบ่อยเหมือนกัน เราเป็นคนที่ออกแบบในลักษณะที่แบบว่าเขาจะลงทุนแล้วเรารู้ว่าแบบนี้มันไม่ได้นะ เราต้องใช้เหตุผลมาให้เขาเข้าใจให้ได้ว่ามันไปไม่ได้หรอก แต่ถ้าลูกค้าอยากได้สีแดงแต่เราอยากได้สีเขียวเราก็ต้องยอมเขา แต่ถ้าลูกค้าบอกว่าอยากเปิดประตูมาแล้วชนบันไดอย่างนี้ แล้วเรารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วมันอันตรายเราต้องบอกเขาเข้าใจมั้ย คือเราต้องเตือนนะ...
ข้อคิดที่สำคัญในการ ทำงานคืออะไร? การปฏิบัติตนต่อการทำงานทำอย่างไรบ้างคะ
     ในการทำงานบริษัทพี่จะมีระดับขั้น ก็คือเป็น
1. จูเนียร์
2. อินเตอร์มีเดีย
3. ซีเนียร์
            ดูจากจากอายุการใช้งาน พัฒนาการในการทำงาน มันดูว่าเราไปได้ไกลแค่ไหน อย่างแรกดูประสบการณ์การทำงานอยู่แล้ว แต่ถ้าทำงาน สิบปีเก้าปีไม่มีความก้าวหน้าในการทำงานไม่สามารถพัฒนาตัวเอง ไม่เพิ่มความรู้ ดีไซด์เหมือนเดิมตลอด แมททีเรียลก็ไม่รู้ ประชุมไม่ได้ ไปหน้าไซท์ก็ทำไม่เป็น ทำให้ดรอปลง แต่พี่ก็เคยถอยแล้วขึ้นใหม่เหมือนกัน เป็นช่วงที่เราเหนื่อยเราจะถอยลง คือคนเราก็ไม่ได้คึกตลอดเวลามันก็ต้องมีบ้าง แต่พี่บอกเลยว่าถ้าเราตั้งใจ เราอยากเป็นดีไซด์เนอร์เป็นสถาปนิกไปตลอดแล้ว เราไม่อยากทำให้ตัวเองแย่ลงเราต้องอ่านหนังสือเยอะดูเว็บไซด์อินเตอร์เน็ตเราต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ยิ่งถ้าเราทำงานในบริษัทที่ออกแบบอะไรที่มันใหม่อยู่ตลอดเวลา เราต้องหาความรู้อยู่ตลอด พอเราทำงานไปก็จะรู้ตัวเองว่าถนัดทางไหนก็จะโปรไปทางนั้น อย่างเพื่อนพี่เขาอาจจะดีไซด์ได้ไม่ค่อยดีแต่เขาเก่งเรื่อง
structure งานระบบมาก  เขาก็ไปเป็นโปรเจ็คเมเนเจอร์ตรวจคนงาน เช็คงานระบบเช็คทุกอย่างไปพร้อมวิศวะกรดูในเชิงความสวยงามด้วย
เราต้องมีทาร์มไลน์ของเราว่าเราต้องส่ง ต้องทำอะไรแค่ไหนยังไง ต้องทำให้ทัน การที่เราจะทำงานให้ทันนั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะทำคนเดียวไม่ได้ให้ใครดู เพราะเราอยู่บริษัทอย่างนี้เราต้องให้ซีเนียร์ดูงานออกแบบของเราเหมือนลักษณะการตรวจแบบ
อย่างที่บริษัทพี่เขาจะสเก็ตมือก่อน ไม่ลงแคดจนกว่าที่ลูกค้าจะคอนเฟิร์มว่า เอาแล้วแบบนี้ ถ้าเราเป็นคนออกแบบจริงๆ แล้ว 8 ชั่วโมงมานั่งคิด ถ้าเอาแบบไปให้แผนกแคดเขาเขียนเหมือนเป็นการเพิ่มเงินเพิ่มงาน เสเวลาโดยที่งานยังไม่ถึงขนาดนั้น ที่นี้เป็นบริษัทฝรั่งเขาจะเน้นให้เขียนมือ พอเราเขียนแปลนเสร็จเขาก็จะมีคนที่ทำตีฟขึ้นแมสซิ่งให้ แต่เราก็เลี่ยงไม่ได้ที่เราจะใช้ทรีดีเพราะเราต้องเช็คสแปช  ใหญ่ไปเล็กไป เพราะเราวาดมือมันไม่ตรงสแกล ใช้ทรีดีเป็นแค่เครื่องมือในการทำงานเรา แต่...เราจะไม่ใช้มันดีไซด์  ใช้สิ่งนี้มาช่วยให้งานเสร็จ แต่ทุกอย่างที่เราคิดเราต้องสเก็ตออกมาก่อน สนุกดีเหมือนเราได้ทำงานเหมือนที่เราเรียน แต่พูดตรงๆนะว่าพี่ทำทรีดีไม่ถนัดเท่าไหร่ แต่อีลัส โฟโต้ชอปพี่ได้นะ เหมือนจะไม่ใช่หน้าที่เราแล้วนะ หน้าที่เราคือดีไซด์ให้เสร็จ แต่ถ้าเป็นงานนอกเราก็ต้องทำ  แต่พี่เป็นประเภทได้งานนะเอาเท่านี้ให้ดีไซด์ เอาเท่านี้ให้สเก็ต เอาเท่านี้ให้แคด พี่ยอมเอางานเอาเงินแค่นี้ ไม่เอาเยอะห่วงกางทำคนเดียว แล้วงานเสร็จ  ออกมาดี แล้วให้ลูกค้า ได้กำไรนิดหน่อย เพื่อนเราก็ได้เงินทำงานเป็นแพ็ค เหมือนเราก็มีบริษัทของเราอยู่นิดๆ จะไม่ทำเองหมด  เราทำงานเป็นเพื่อนกันโดยไม่คิดว่าเราเป็นหัวหน้าเขาเราโตกว่า มีสิทธิ์สั่งได้  อย่างนั่นเราจะทำงานไม่เสร็จ ในความรู้สึกของพี่เขาก็จะไม่ชอบเราด้วย อย่างถ้าเราบอกเขาว่า เฮ้ยแก่..ช่วยเราหน่อยดิ๊ เดี่ยวเราทำอันนี้ไว้ให้แก ฉันจะไปแล้วนะ แกเอาตัวนี้ไปเขียนก่อน ช่วยกันนะ ถ้ามันจะต้องดึกอย่าเกินเที่ยงคืนนะ เดี่ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงทำงาน ไม่เคยเกินนั่นเลย จริงสามทุ่มก็หมดแรงแล้วนะสมองไปไม่ได้แล้ว แล้วเราคิดมาทั้งวันแล้ว แล้วเราไม่อยากให้คนที่ทำงานกับเราแล้วเหนื่อยเกินไป แล้วเราอยู่บ้านนอนเหรอ เราเลยคิดว่าเราก็จะไปด้วยกัน พี่จะไล่กลับบ้านให้หมด  ไม่เอาไม่ให้อยู่ ถ้าไม่ใช่ไฟนอลก็จะมีจังหวะปลง พี่จะต้องเป็นงานดูเพอร์เฟ็คในลักษณะที่เราไปประชุมแล้วไม่เลท เราไม่ได้โลภ แต่ถ้างานไม่เสร็จ 100% เราต้องมีทางแก้ไขในสิ่งนั้นอยู่แล้ว เราทำงานกับคนเยอะๆบางทีมันไปไม่ถึงฝั่งอาจจะได้ซัก 80% แต่สำหรับพี่งานเรียบร้อยแล้วนะ แต่บางคน 100% แต่ไปเลทพี่ว่าแบบนั่นไม่มีประโยชน์ ของที่เราเตรียมไปคือสิ่งที่เป็นตัวช่วยให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เราคิด แต่ถ้าลูกค้าชอบในสิ่งที่เราคิด มาทำ 80 ให้เป็น 120 ยังได้เลย มันมีวิธีทำให้เขาเข้าใจได้หลายแบบหลายวิธีต้องเลือกให้เหมาะกับเวลา คือเราต้องตรงต่อเวลา เป็นเฟิร์สอิมเพลสชั่น.....
            แต่ถ้าเราคิดงานไม่ออกไปคุยกับคนหนึ่งที่เขามีไอเดีย ลองถามเขานะ ไม่ใช่ให้เขาช่วยเรา ถ้าเขามีประสบการณ์มากกว่าเรา เขาสามารถชี้นำแนวทางที่ถูกต้องให้ได้  แล้วเราก็เก็บมาคิดแล้วนำมารวมกับความคิดของเรา


คิดเห็นอย่างไรกับ จรรยาบรรณวิชาชีพ คิดเห็นอย่างไรกับการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมบ้างคะพี่
            พี่ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้นะ  เพราะพี่ก็เป็นคนดีอ่ะ (หัวเราะ) จะบอกว่ายังไงดี เราก็ต้องทำตามกฎระเบียบที่มันมาอยู่แล้ว คือถ้าเราเป็นคนที่ทำงานในลักษณะเพื่อสาธารณะ เราออกแบบที่ คนหลายๆคนมาใช้งาน เราต้องรับผิดชอบนิดนึ่ง ทำอะไรให้มันถูกต้อง เช่น จัดทางหนีไฟให้แคบลงเพื่อเพิ่มที่ขาย คงไม่ทำเพราะถ้าเกิดเหตุขึ้นมาร้ายแรง แล้วเราหนีไม่ได้ สู้ทำให้ถูกดีกว่า แล้วเราค่อยหาทางแก้วิธีอื่นถ้าเขาอยากได้พื้นที่ขายเพิ่ม อย่างที่เพื่อนพี่เอาแบบมาให้เซ็นต์ร้านเหล้ากับสนุกเกอร์ให้หน่อย พี่ยอมโดนด่าว่าไม่มีน้ำใจ ก็ปฏิเสธไปเลยว่าเซ็นต์ให้ไม่ได้ ก็คือ 1. เราไม่ใช่คนออกแบบ 2. แบบเป็นไงก็ให้ดูไม่ได้ แต่ถ้าให้ช่วยดูช่วยแก้ให้แต่แรกพี่เราก็รู้สึกโล่งกว่านะ เพราะเรารู้แล้วว่าเป็นแบบนี้ อันนี้ยื่นกระดาษมาแบบนี้อันนี้พี่ก็ไม่เซ็นต์ อันนี้ก็คือจรรยาบรรณแบบนี้  มันคือชีวิตเลยนะ ก็เหมือนหมอจ่ายยาผิด มันก็คือสิ่งที่เราจะต้องรับผิดชอบต่อสังคม
การออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมบางทีมันก็ทำไม่ได้ แต่ถ้าได้ที่ดีๆ เรื่องแดด ลม ฝน เราก็ต้องเช็คอยู่แล้ว ใช้แมททีเรียลดี ใช้ธรรมชาติให้เป็นประโยชน์เราก็จะออกแบบมาได้ดี


พี่ๆ คิดว่า สถาปนิกรุ่นใหม่ๆ ที่ลาดกระบังผลิตออกมา มีคุณภาพอย่างไร ต้องการให้ภาควิชาปรับปรุงลักษณะบัณฑิต ออกมาให้เป็นอย่างไร?
            ถ้าจะให้ปรับปรุงลักษณะบัณฑิตพี่ก็ไม่รู้ว่าเขาสอนอะไรยังไงบ้าง แค่อยากจะแนะนำว่าเทคโนยีสมัยนี้ช่วยดีไซด์ของเราเยอะมาก เลือกใช้ให้เป็นอย่าใช้มันตัวกำหนดดีไซด์ของเรา ถ้าเราครีเอทอะไรใหม่ๆได้ เราจะรู้ว่าเราจะใช้โปรแกรมอะไรที่จะช่วยเราได้ ทำให้งานเราเสร็จ แต่ทุกสิ่งที่เราคิดให้ผ่านหัว ความรู้สึก ผ่านมาที่มือเราก่อน สวยบ้างไม่สวยบ้าง มันจะทำให้เราเข้าใจในสิ่งที่เราทำอยู่  พี่ว่าเด็กสมัยใหม่เอ๊ะอะเขียนแคด เขียนทรีดี จะดีไซด์โค้งก็ทำไม่ได้เพราะทรีดีทำไม่ได้ ซึ่งจริงมันผิดอ่ะ ซึ่งมือเราทำได้...


ขอจะร้องให้พี่ช่วยเล่าบรรยากาศ สมัยที่เรียน ณ ลาดกระบัง ว่า เรียนกันอย่างไร ใช้ชีวิตและกิจกรรม ในคณะอย่างไรบ้างคะ?
             พี่เป็นคนทำโปรเจ็คเสร็จเร็วตลอดเพระพี่เป็นคนที่เอาโว้ยส่งแล้ว พอ....ไม่งั้นไม่ได้นอน ต้องนอนไม่งั้นพรีเซ็นไม่ได้ คือจบเสร็จ รู้เวลา เสร็จก่อนทุกครั้ง สุดท้ายก็ต้องช่วยเพื่อนพ้นกาวสเปรย์ พี่มีฉายาว่า มิสไตเติ้ลบ๊อก...ที่หอชายแก็งส์เพื่อนพี่ พวกนี้จะทำงานช้าเพราะมั่วแต่อะไรก็ไม่รู้อยู่ แล้วได้นอนด้วย ได้เอด้วย เขาดูโปรเสสเรา ดูเราตรวจแบบครั้งแรกดูพัฒนาการของเราตั้งแต่แรก คือไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับตึกนี้  จนเราดีไซด์ออกมาเป็นตึกประมาณนี้ได้  มันก็ต้องได้บีบวกไม่ก็เอแล้วแหละ แต่พี่ก็ไม่เรียนอย่างเดียวคือพี่ทำสโมเกรดจะต้องไม่ต่ำกว่าสาม ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าคุณทำกิจกรรมจนไม่ตั้งใจเรียน 



          สุดท้ายต้องขอขอบคุณพี่จ๊ะเอ๋  ที่เสียสละเวลาให้สัมภาษณ์และพูดคุยเรื่องราวประสบการณ์ การทำงาน และแนวความคิดในการเป็นสถาปนิกที่ดีซึ่งเป็นประสบการณ์ใหม่ๆทีไม่เคยรู้ เป็นประโยชน์อย่างมากในการที่จะออกไปเป็นสถาปนิกในภายภาคหน้า ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งคะ
 

            ขอขอบคุณอาจารย์ไกรทอง โชติวุฒิพัฒนา ผู้สอนวิชา Professional Practice ที่ได้ให้งานชิ้นสำคัญและที่มีประโยชน์อย่างมากเลยคะ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น